คลายสายตาเมื่อยล้า
จากการจ้องคอมพิวเตอร์
พนักงานออฟฟิศอย่างเรา
ๆ ใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง
อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แบบนั่งจ้องงานตรงหน้า เหมือนเล่นเกมจับผิดมิปาน
สายตาก็ย่อมเหนื่อยล้าเหมือนขาที่วิ่งมาทั้งวัน บางทีอาจจะแสดงอาการปวดตา
ปวดหัวเป็นระยะ ๆ หรือว่าอาจจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่ตาสวยของเราจะกลายเป็นตาแบบหมีแพนด้า
หยุดเล่นเกมจับผิดสักครู่ แล้วมาเริ่มการบริหารสายตากันดีกว่าค่ะ
การบริหารลูกตา กล้ามเนื้อตา
และสมองรับภาพ
การบริหารทั้งสามส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถมองภาพต่าง
ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ วางมือจากแป้นคอมพิวเตอร์
หลบหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ทุก ๆ 1
ชั่วโมง จะดีที่สุด
1.การบริหารลูกตา
หลับตาใช้อุ้งนิ้ว ย้ำว่า "อุ้งนิ้ว" นวดเบา ๆ วนรอบตาสัก 1 นาที หรือกะพริบตาถี่ ๆ ทุกการใช้สายตาครบ 1
ชั่วโมง เพราะการกะพริบตา จะช่วยขับฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบตาของเราให้แลดูวิ้ง ๆ
ปิ๊ง ๆ ตลอดเวลานั่นเอ
2.การบริหารกล้ามเนื้อตา กล้ามตาของเรา เป็นส่วนหนึ่งของกล้ามเนื้อต่าง
ๆ ที่ต้องการ "การพักผ่อน" มากกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ
เพราะว่าเราต้องใช้กล้ามตาแทบตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนอน
อยากรู้ก็ลองสังเกตตอนคนที่บ้านของคุณหลับดูสิ... ยามที่เขาหลับสนิท
เปลือกตาของเขาจะขยุกขยิกไปมา นั่นคือ "ช่วงกลอกตาเร็ว" นั่นเอง
เห็นหรือเปล่าว่า ใช้กล้ามตามากจริง ๆ แต่ไม่ต้องห่วง เรามีวิธีการดูแลตาให้สุขภาพดี
ด้วยสูตร "จักษุสปา" สไตล์อายุรวัฒน์มาแนะนำกันค่ะ
สูตรจักษุสปา
เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนเลย
ต่อจากนี้ตื่นมาแทนที่จะขยี้ตา เปลี่ยนเป็นเอาตาซุกลงไปกับฝ่ามือเบา ๆ ทิ้งไว้สัก 1 นาที
เพื่อเป็นการปรับสายตาให้พร้อมกับการมองเห็นความจริงทุกประการ พอมาถึงที่ทำงาน
ทำงานไปได้สักชั่วโมง ลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง
กะพริบตาเพื่อให้ฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบลูกตา ก่อนพักเที่ยงก็กะพริบตาถี่ ๆ อีกสัก 10 วินาที
ช่วงบ่าย สายตาเริ่มล้า ให้หลับตาปี๋ ๆ เลย
แล้วเบิ่งตาโต ทำสลับกันครั้งละ 10 วินาที เป็นเวลาประมาณ 1 นาที หรือจะใช้อุ้งมือนุ่ม
ๆ (รอบนี้อุ้งมือนะ!) ของเรากดตาไว้เบา ๆ สัก 1 นาทีก็พอ
จะให้สดชื่นสายตาอีกสักหน่อยก็หาผ้าเย็นเช็ดหน้านุ่ม ๆ ชุบน้ำเย็น ๆ
มาประคบสายตาของเราไว้ประมาณ 10 นาที
จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
ก่อนเลิกงาน หลังจากปิดคอมพิวเตอร์แล้ว
ให้นั่งหลับตา หาที่มืดนั่งเงียบ ๆ สักพัก เพื่อเป็นการพักลูกตา และสมองส่วนรับภาพ
เมื่อถึงบ้านแล้ว ดูทีวีได้ตามปกติ แต่ไม่ควรปิดไฟทั้งห้องจนมืด
เพราะแสงจากทีวีจะจ้ามาก เป็นผลเสียต่อจอตาของเรา ที่สำคัญควรปิดสวิตช์ตาไม่เกิน 5 ทุ่ม นอนพักได้แล้ว
ก่อนเข้านอน ให้ทำการขอบคุณสายตาที่ถูกใช้งานมาทั้งวัน
ด้วยการพนมมือทั้งสองขึ้นมา เอานิ้วจรดกัน
แล้วเอาอุ้งนิ้วทั้งสองมาประทับกับเปลือกตาที่หลับลง นวดวนเบา ๆ ตามเข็มนาฬิกาสัก 1 นาที หากคนที่ตาแห้งก็เพิ่มเป็น 2 นาที พอตื่นนอนก็วนทำแบบครั้งแรก รับรองงานนี้ "ตาหวานฉ่ำ" แน่
ๆ
3.บริหารสมองรับภาพ
ง่าย ๆ เพียงแค่ "กลอกตา" ไปมา แบบซ้ำ
ๆ อย่ารีบ เดี๋ยวตาลาย ให้กลอกจากซ้ายไปขวา และบนลงล่าง
ทำท่าแบบนี้เป็นการฝึกสมองไปในตัวด้วย
ปวดตา
ดูแลสุขภาพตาด้วย
"จักษุโภชนา"
จำเป็นต้องกินผัก "เขียวจัด"
อย่างคะน้า เพราะจะมีวิตามินเอเยอะ และ "เหลืองแจ๊ด" จำพวก ข้าวโพด
ฟักทอง แครอท ซึ่งจะมีธาตุที่ชื่อ "ลูทีน" กับ "ซีแซนทิน"
เป็นธาตุที่บำรุงสายตาโดยเฉพาะ ระวังเรื่องของการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน
ๆ หรืออยู่ใกล้กระจกสะท้อน เพราะอาจเป็น "ต้อ" ได้ ให้ตรวจสอบว่า
โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเรา ตำแหน่งที่นั่งดีหรือยัง
ตรวจสอบการสะท้อนของแสงที่เข้าตาของเรา ด้วยการปิดคอมพิวเตอร์แล้วเปิดไฟห้อง
ดูว่าหน้าจอมีแสงไฟสะท้อนเข้าตาหรือเปล่า ถ้ามี
ก็ต้องปรับตำแหน่งคอมพิวเตอร์จนกว่าจะไม่มีแสงสะท้อน
พนักงานออฟฟิศอย่างเรา
ๆ ใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง
อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แบบนั่งจ้องงานตรงหน้า เหมือนเล่นเกมจับผิดมิปาน
สายตาก็ย่อมเหนื่อยล้าเหมือนขาที่วิ่งมาทั้งวัน บางทีอาจจะแสดงอาการปวดตา
ปวดหัวเป็นระยะ ๆ หรือว่าอาจจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่ตาสวยของเราจะกลายเป็นตาแบบหมีแพนด้า
หยุดเล่นเกมจับผิดสักครู่ แล้วมาเริ่มการบริหารสายตากันดีกว่าค่ะ
การบริหารลูกตา กล้ามเนื้อตา
และสมองรับภาพ
การบริหารทั้งสามส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถมองภาพต่าง
ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ วางมือจากแป้นคอมพิวเตอร์
หลบหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ทุก ๆ 1
ชั่วโมง จะดีที่สุด
1.การบริหารลูกตา
หลับตาใช้อุ้งนิ้ว ย้ำว่า "อุ้งนิ้ว" นวดเบา ๆ วนรอบตาสัก 1 นาที หรือกะพริบตาถี่ ๆ ทุกการใช้สายตาครบ 1
ชั่วโมง เพราะการกะพริบตา จะช่วยขับฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบตาของเราให้แลดูวิ้ง ๆ
ปิ๊ง ๆ ตลอดเวลานั่นเอ
2.การบริหารกล้ามเนื้อตา กล้ามตาของเรา เป็นส่วนหนึ่งของกล้ามเนื้อต่าง
ๆ ที่ต้องการ "การพักผ่อน" มากกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ
เพราะว่าเราต้องใช้กล้ามตาแทบตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนอน
อยากรู้ก็ลองสังเกตตอนคนที่บ้านของคุณหลับดูสิ... ยามที่เขาหลับสนิท
เปลือกตาของเขาจะขยุกขยิกไปมา นั่นคือ "ช่วงกลอกตาเร็ว" นั่นเอง
เห็นหรือเปล่าว่า ใช้กล้ามตามากจริง ๆ แต่ไม่ต้องห่วง เรามีวิธีการดูแลตาให้สุขภาพดี
ด้วยสูตร "จักษุสปา" สไตล์อายุรวัฒน์มาแนะนำกันค่ะ
สูตรจักษุสปา
เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนเลย
ต่อจากนี้ตื่นมาแทนที่จะขยี้ตา เปลี่ยนเป็นเอาตาซุกลงไปกับฝ่ามือเบา ๆ ทิ้งไว้สัก 1 นาที
เพื่อเป็นการปรับสายตาให้พร้อมกับการมองเห็นความจริงทุกประการ พอมาถึงที่ทำงาน
ทำงานไปได้สักชั่วโมง ลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้าง
กะพริบตาเพื่อให้ฟิล์มน้ำตาออกมาเคลือบลูกตา ก่อนพักเที่ยงก็กะพริบตาถี่ ๆ อีกสัก 10 วินาที
ช่วงบ่าย สายตาเริ่มล้า ให้หลับตาปี๋ ๆ เลย
แล้วเบิ่งตาโต ทำสลับกันครั้งละ 10 วินาที เป็นเวลาประมาณ 1 นาที หรือจะใช้อุ้งมือนุ่ม
ๆ (รอบนี้อุ้งมือนะ!) ของเรากดตาไว้เบา ๆ สัก 1 นาทีก็พอ
จะให้สดชื่นสายตาอีกสักหน่อยก็หาผ้าเย็นเช็ดหน้านุ่ม ๆ ชุบน้ำเย็น ๆ
มาประคบสายตาของเราไว้ประมาณ 10 นาที
จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
ก่อนเลิกงาน หลังจากปิดคอมพิวเตอร์แล้ว
ให้นั่งหลับตา หาที่มืดนั่งเงียบ ๆ สักพัก เพื่อเป็นการพักลูกตา และสมองส่วนรับภาพ
เมื่อถึงบ้านแล้ว ดูทีวีได้ตามปกติ แต่ไม่ควรปิดไฟทั้งห้องจนมืด
เพราะแสงจากทีวีจะจ้ามาก เป็นผลเสียต่อจอตาของเรา ที่สำคัญควรปิดสวิตช์ตาไม่เกิน 5 ทุ่ม นอนพักได้แล้ว
ก่อนเข้านอน ให้ทำการขอบคุณสายตาที่ถูกใช้งานมาทั้งวัน
ด้วยการพนมมือทั้งสองขึ้นมา เอานิ้วจรดกัน
แล้วเอาอุ้งนิ้วทั้งสองมาประทับกับเปลือกตาที่หลับลง นวดวนเบา ๆ ตามเข็มนาฬิกาสัก 1 นาที หากคนที่ตาแห้งก็เพิ่มเป็น 2 นาที พอตื่นนอนก็วนทำแบบครั้งแรก รับรองงานนี้ "ตาหวานฉ่ำ" แน่
ๆ
3.บริหารสมองรับภาพ
ง่าย ๆ เพียงแค่ "กลอกตา" ไปมา แบบซ้ำ
ๆ อย่ารีบ เดี๋ยวตาลาย ให้กลอกจากซ้ายไปขวา และบนลงล่าง
ทำท่าแบบนี้เป็นการฝึกสมองไปในตัวด้วย
ปวดตา
ดูแลสุขภาพตาด้วย
"จักษุโภชนา"
จำเป็นต้องกินผัก "เขียวจัด"
อย่างคะน้า เพราะจะมีวิตามินเอเยอะ และ "เหลืองแจ๊ด" จำพวก ข้าวโพด
ฟักทอง แครอท ซึ่งจะมีธาตุที่ชื่อ "ลูทีน" กับ "ซีแซนทิน"
เป็นธาตุที่บำรุงสายตาโดยเฉพาะ ระวังเรื่องของการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน
ๆ หรืออยู่ใกล้กระจกสะท้อน เพราะอาจเป็น "ต้อ" ได้ ให้ตรวจสอบว่า
โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเรา ตำแหน่งที่นั่งดีหรือยัง
ตรวจสอบการสะท้อนของแสงที่เข้าตาของเรา ด้วยการปิดคอมพิวเตอร์แล้วเปิดไฟห้อง
ดูว่าหน้าจอมีแสงไฟสะท้อนเข้าตาหรือเปล่า ถ้ามี
ก็ต้องปรับตำแหน่งคอมพิวเตอร์จนกว่าจะไม่มีแสงสะท้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น